๑๓. ประวัติพระโยคาภิรัตเถร (มี)

 ประวัติพระโยคาภิรัตเถร
00006

ประวัติพระโยคาภิรัตเถร
พระโยคาภิรัติเถระ มีนามเดิมว่า มี ชาวบ้านตลอดขวัญ (นนทบุรี) มีศรัทธา
เลื่อมใสในพระญาณสังวรเถร สุก เกิดเมื่อประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๓๑๗ ในรัช
สมัย พระเจ้ากรุงธนบุรี
ปีพระพุทธศักราช ๒๓๓๑ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๑ มารดาบิดา ของท่านนำท่านมา
ฝากบรรพชาเป็นสามเณรในสำนัก ของพระวินัยรักขิต (ฮั้น) เพื่อเล่าเรียนอักขระสมัย
ต่อมาได้เล่าเรียนพระกรรมฐานด้วย
ปีพระพุทธศักราช ๒๓๓๘ บรรพชาอุปสมบท ณ. วัดราชสิทธาราม พระญาณ
สังวร (สุก) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระพรหมมุนี (ชิต) ครั้งเป็นพระญาณวิสุทธิ์เถร เป็นพระ
กรรมวาจาจารย์ พระวินัยรักขิต (ฮั่น) เป็นอนุสาวนาจาย์
อุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระอุปัชฌาย์ และ
พระพรหมมุนี (ชิต) ครั้งเป็น พระญาณวิสุทธิเถร แลกับพระวินัยธรรมกัน ครั้งเป็นพระ
ใบฎีกาด้วย
ศึกษาพระปริยัติธรรมบาลีมูลกัจจายน์ กับพระวินัยรักขิต (ฮั่น) ออกพรรษาแล้ว
เที่ยวออกสัญจรจาริกรุกขมูลไปตามสถานที่ต่างๆ กับพระภิกษุสงฆ์ วัดราชสิทธาราม หา
ความสงบวิเวกเป็นประจำทุกปี
ปีพระพุทธศักราช ๒๓๕๙ ในรัชกาลที่๒ เป็นพระปลัด ถานานุกรม ของพระ
รัตนมุนี (กลิ่น) ได้เป็นพระอาจารย์ผู้ช่วยบอกพระกรรมฐานด้วย
ปีพระพุทธศักราช .๒๓๘๖ ในรัชกาลที่ ๓ เป็นพระครูสังวรสมาธิวัตร พระครู
วิปัสสนาธุระ พระคณาจารย์เอก
ปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๔ วันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุน ทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระญาณโยคาภิรัติเถร เมื่ออายุ
ได้ ๗๗ ปี รับพระราชทานพัดงาสาน ปีเดียวที่ทรงโปรดเกล้าฯให้ตั้งพระราชพิธีมหา
สมณุตมาภิเษก เฉลิมพระนามกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสฯ
ปีพระพุทธศักราช ๒๓๙๗ เป็นเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม
เป็นอาจารย์ใหญ่วิปัสสนาธุระด้วย
การศึกษาสมัย พระโยคาภิรัติเถระ ครองวัดราชสิทธิ์ ด้านวิปัสสนาธุระ พระโย
คาภิรัตเถร เป็นพระอาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์ผู้ช่วยคือ พระครูศีลสมาจารย์ (เมฆ) ๑ ฯ
การศึกษาด้านปริยัติธรรม-บาลีมูลกัจจายน์ พระอมรเมธาจารย์ (ทัด) เป็นพระ
อาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์ผู้ช่วยคือ พระอาจารย์มหาเกิด ๑ พระมหาเกด ๑
ปีพระพุทธศักราช.๒๔๐๒ ลาออกจากเจ้าอาวาส เมื่ออายุได้ ๘๕ ปี เพราะชรา
ทุพพลภาพ ท่านมีปกตินิสัยชอบปลีกวิเวก หาความสงบ

เมื่อท่านลาออกจากเจ้าอาวาสแล้ว ท่านได้เปรยว่า ถ้าวัดพลับไม่มีกรรมฐาน จะไม่สงบ

ท่านได้กล่าวไว้เป็นคำกลอนว่า  วัดเอ๋ยวัดพลับ จะย่อยยับเหมือนสับขิง ฝูงสงฆ์จะลงเป็นฝูงลิง ฝูงเณร และเด็ก จะวิ่งเป็นสิงคลี
ปีพระพุทธศักราช ๒๔๐๔ มรณะภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อสิริรวมอายุได้ ๘๗ ปี